Bitcoin เป็นสินทรัพย์ทางการเงินที่ให้ผลตอบแทนสูงที่สุดในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา โดยมันให้ผลตอบแทนมากกว่าทองคำหรือหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ทั่วโลก และในปัจจุบันหลายคนยัง คาดการณ์ราคา Bitcoin ว่ามันจะยังคงเป็นสกุลเงินคริปโตที่มีค่ามากที่สุดในโลก ด้วยมูลค่าตลาดที่มากกว่า 5 แสนล้านดอลลาร์
ในบทความนี้ เราจะทำให้คุณเข้าใจเบื้องต้นเกี่ยวกับราคาของ Bitcoin ว่ามันมีปัจจัยใดบ้างที่ส่งผลต่อความผันผวน และ มันมีศักยภาพมากแค่ไหน สำหรับการเติบโตในปีต่อๆไป
กระดานเทรดที่ดีที่สุดสำหรับซื้อ Bitcoin
ก่อนที่จะไปคาดการณ์ราคา Bitcoin ในปัจจุบัน Insidebitcoins อยากแนะนำกระดานเทรดสำหรับซื้อ Bitcoin ที่ดีที่สุด เพื่อเป็นตัวเลือกให้กับใครหลายๆคน:
- OKX – แพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนที่มีการใช้งานที่หลากหลาย
- MEXC – กระดานเทรดที่ใช้งานง่าย เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นในตลาดคริปโต
- eToro – กระดานเทรดชั้นนำ ที่รองรับการซื้อขายสินทรัพย์แบบดั้งเดิม
- Margex – สมัครง่าย ไม่ต้องใช้ KYC
- Binance – มีความยืดหยุ่นสูง รองรับการเทรดได้หลายรูปแบบ
- Bybit – รองรับคำสั่งซื้อได้อย่างรวดเร็ว
- Kraken – เหมาะสำหรับนักเทรดมืออาชีพ จากฟังก์ชันการใช้งานขั้นสูง
- Gate.io – แหล่งซื้อขายเหรียญคริปโตใหม่ๆ
- Coinbase – เหมาะสำหรับผู้เริ่มเทรด
- PrimeXBT – เหมาะสำหรับนักเทรดสายเก็งกำไร
ราคา Bitcoin ในปัจจุบัน
ถึงแม้ในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปี 2023 ราคา Bitcoin ถูกซื้อขายอยู่ที่บริเวณ 27,000 ดอลลาร์ – 28,000 ดอลลาร์ แต่เมื่อเข้าสู่ต้นปี 2024 เหรียญกลับสามารถทำราคาพุ่งทะยานขึ้นมาได้เกือบ 200% จนทะลุจุดสูงสุดเก่าในระดับ 69,000 ดอลลาร์ไปยัง New All Time High ที่ระดับ 73,900 ดอลลาร์ ก่อนจะทำราคาปรับตัวลงมาอยู่ที่ระดับ 64,486 ดอลลาร์ในปัจจุบัน
จากการทำราคาขึ้นลงในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา ได้แสดงให้เห็นว่า Bitcoin ยังคงเป็นสินทรัพย์ที่มีความผันผวนสูง จากราคาที่สามารถขึ้นลงจาก 100 ดอลลาร์ถึง 1,000 ดอลลาร์ได้ภายใน 1 วัน ทำให้มันยังถูกจัดอยู่ในกลุ่มสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูง แต่ในขณะเดียวกัน Bitcoin ก็เป็นจุดหมายหลักสำหรับคนที่สามารถรับความเสี่ยงได้ เพื่อแลกกับผลกำไรมหาศาล
ดังนั้น ผู้ที่ต้องการเทรด Bitcoin จะต้องติดตามราคาของมันแบบเรียลไทม์อยู่เสมอ โดยสามารถตรวจสอบราคาได้ผ่านเว็บไซต์ติดตามราคาอย่างเช่น CoinMarketCap และ TradingView หรือตรวจสอบผ่านแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนที่คุณเลือกใช้ ซึ่งแพลตฟอร์มเหล่านี้จะช่วยให้คุณสามารถเลือกกรอบเวลาการทำราคาของ Bitcoin ที่ต้องการเพื่อช่วยในการวิเคราะห์ได้ โดยจะมีตั้งแต่ 1 วัน, 7 วัน, 1 เดือน, 3 เดือน, 6 เดือน, 1 ปี, หรือตั้งแต่ต้นปีไปจนถึงปัจจุบัน (Year-To-Date) หรือแม้แต่การทำราคาของมันนับตั้งแต่วันแรกที่เปิดตัวจนถึงปัจจุบัน (All) อีกทั้งคุณยังสามารถเลือกสกุลเงินที่ใช้จับคู่กับราคาของ Bitcoin ได้ไม่ว่าจะเป็น USD, EUR, GBP และอื่นๆอีกมากมาย
โดย eToro ก็เป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มที่มีชาร์ตและกราฟราคาของ Bitcoin และเหรียญคริปโตที่น่าลงทุนอื่นๆ ที่จะมีการอัพเดทเป็นมิลลิวินาที ซึ่งจะช่วยให้คุณทราบราคาที่แน่นอนของ Bitcoin ได้ทุกเวลา นอกจากนี้ภายในตัวแพลตฟอร์มยังรองรับการซื้อขายสินทรัพย์แบบดั้งเดิมอีกด้วย
สำหรับแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนที่สมบูรณ์แบบ จะมีฟีเจอร์สำคัญอื่นๆอีกมากมาย ที่จะช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถวิเคราะห์สินทรัพย์ที่ตนเองสนใจ พร้อมกับติดตามข่าวสารที่เกี่ยวข้องและความเคลื่อนไหวบนโลก blockchain ได้ภายในแอปเดียว สิ่งนี้มีประโยชน์อย่างมากต่อการวิเคราะห์พฤติกรรมหรือกระแสของนักลงทุนในโลกคริปโตแบบเรียลไทม์ เพื่อที่สามารถตัดสินใจได้อย่างทันท่วงทีต่อทุกสถานการณ์
ทำไมต้องลงทุนใน Bitcoin?
Bitcoin เป็นสินทรัพย์ที่มีศักยภาพมหาศาล ที่นักลงทุนและเทรดเดอร์ส่วนใหญ่ในตลาดยอมรับ และคอยเฝ้าลงทุนกับมันอยู่ตลอดเวลา ซ้ำยังดึงดูดให้นักลงทุนหน้าใหม่เข้ามาในวงการคริปโตอย่างต่อเนื่อง อันเนื่องมาจากสาเหตุหลายประการอย่าง
- Bitcoin เป็นสินทรัพย์ที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง จากการมีมูลค่าที่สูงที่สุด และมีความสำคัญที่สุด หากพิจารณาจากมูลค่าตลาด
- Bitcoin เป็นเหรียญที่เปิดตัวเทคโนโลยีใหม่ เพื่อให้การทำธุรกรรมระหว่างประเทศรวดเร็วและประหยัดกว่าระบบการทำธุรกรรมแบบดั้งเดิม
- Bitcoin เข้ามาช่วยแก้ไขปัญหาการชำระเงินที่ซ้ำซ้อน (double-spending)
- Bitcoin เป็นสกุลเงินดิจิทัลแบบกระจายศูนย์ ที่ไม่มีรัฐบาล ธนาคาร หรือบริษัทใดเข้ามาควบคุม
- ความ ‘โปร่งใส’ จากการสามารถติดตามธุรกรรมได้ของ Bitcoin ช่วยลดโอกาสการเกิดคอร์รัปชั่น
- Bitcoin ทำงานบนบล็อกเชนเครือข่ายของตนเอง ซึ่งมีความปลอดภัยสูง แก้ไขข้อมูลไม่ได้ และไม่ถูกเซ็นเซอร์
- Bitcoin มีสภาพคล่องที่สูง จากปริมาณการซื้อขายที่มากกว่า 400,000 รายการต่อวัน
- Bitcoin มีโอกาสเติบโตอย่างมหาศาล จากการที่มันสามารถทำราคาขึ้นจาก 0.0008 ดอลลาร์ มาเป็น 69,000 ดอลลาร์ ได้ในเวลาเพียงสิบปี
- Bitcoin ไม่มีสินทรัพย์อ้างอิง ซึ่งก่อให้เกิดความผันผวนสูง แต่ก็เป็นโอกาสที่ดีและอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับนักลงทุนสายเก็งกำไร
- Bitcoin ได้รับความนิยมมากขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ทั้งจากนักลงทุนทั่วไป ไปจนถึงบริษัทยักษ์ใหญ่ อีกครั้งนักลงทุนสถาบันหลายแห่ง ต่างเริ่มนำมันมาใช้งาน
- หากเปรียบเทียบกับสินทรัพย์ดิจิทัลอื่นๆ Bitcoin มีความเสี่ยงจากการเก็งกำไรน้อยกว่า เนื่องจากมันถูกยอมรับไปทั่วโลก แม้แต่หน่วยงานกำกับดูแลของสหรัฐยังยอมรับว่า Bitcoin ไม่ใช่หลักทรัพย์
- ปัจจุบันได้มีร้านค้าและผู้ให้บริการมากมาย เริ่มยอมรับ Bitcoin ไม่ว่าจะเป็น PayPal, Amazon, Microsoft, Starbucks, Etsy และอื่นๆอีกมากมาย
- Bitcoin มีการจำกัดจำนวนอยู่ที่ 21 ล้านเหรียญเท่านั้น ซึ่งทำให้ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับปัญหาเงินเฟ้อภายในระบบนิเวศ
ประวัติศาสตร์ของราคา Bitcoin
Bitcoin ในยุคแรกเริ่ม
Bitcoin ถูกเปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อปี 2009 และเริ่มมีมูลค่าสำหรับการรับธุรกรรมเป็นครั้งแรกในปี 2010
ในตอนนั้นมูลค่าเริ่มต้นของมันอยู่ที่ 0.0008 ดอลลาร์ และจุดเริ่มต้นอันเป็นตำนานของการธุรกรรม BTC ครั้งแรกเกิดขึ้นเมื่อ Laszlo Hanyecz ได้มีการเสนอที่จะจ่าย 10,000 BTC เพื่อแลกกับพิซซ่าสองถาด ซึ่ง Bitcoin ในตอนนั้นมีมูลค่าเพียงที่ 0.004 ดอลลาร์ เท่านั้น แต่ในปัจจุบัน 10,000 BTC กลับมีมูลค่ามากกว่า 280 ล้านดอลลาร์ ซึ่งมากพอที่จะซื้อพิซซ่ากินได้ทั้งชีวิต
สิ่งที่น่าสนใจคือ การซื้อพิซซ่าของ Laszlo Hanyecz ในครั้งนั้นเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม ปี 2010 ได้เป็นเหตุการณ์ประวัติศาสตร์สำคัญของ Bitcoin โดยที่เป็นที่รู้จักกันในชื่อ ‘การซื้อพิซซ่าที่แพงที่สุดในโลก’ โดยชุมชนคริปโตได้มอบให้วันที่ 22 พฤษภาคมของทุกปีกลายเป็นวัน ‘Bitcoin pizza day’
โดยหากย้อนกลับไปในช่วงนั้น Bitcoin ไม่ได้ถูกใช้ในการทำธุรกรรมมากนัก โดยมันยังไม่จำเป็นจะต้องมีตลาดแลกเปลี่ยนที่รองรับการซื้อขายขนาดใหญ่ มันเพียงถูกใช้งานโดยกลุ่มคนเพียงไม่กี่คน แต่ไม่นานหลังจากนั้น Bitcoin ก็กลายเป็นที่สนใจมากขึ้น จากความสามารถในการทำธุรกรรมทั่วโลกได้โดยใช้เวลาเพียง 10 นาที ในขณะที่การทำธุรกรรมระหว่างประเทศแบบดั้งเดิมผ่านธนาคาร อาจใช้เวลามากกว่า 1 สัปดาห์
นอกจากนี้ มีหลายคนเริ่มตระหนักถึงความปลอดภัยในความเป็นส่วนตัวของ Bitcoin เพราะไม่มีใครสามารถอายัดหรือเข้าควบคุมสินทรัพย์คริปโตของพวกเขาได้ได้ เนื่องจากพวกเขาเก็บมันไว้วอลเล็ตส่วนตัว อีกทั้งในช่วงนั้นยังไม่มีระบบติดตามบล็อกเชน ซึ่งหมายความว่าแทบจะไม่มีใครสามารถติดตามธุรกรรมของคนอื่นได้เลย
Bitcoin เริ่มได้รับความสนใจ
หลังจากที่มีการเริ่มต้นในการใช้ Bitcoin เพื่อทำธุรกรรมแลกเปลี่ยนไม่นาน Bitcoin ก็เริ่มดึงดูดเหล่านักลงทุนผู้สนใจในเทคโนโลยี รวมถึงอาชญากรไซเบอร์เป็นจำนวนมาก ทำให้เริ่มมีผู้ใช้งานมากขึ้น จนในที่สุดกระดานแลกเปลี่ยนแห่งแรกของโลกที่รู้จักกันในชื่อ Mt. Gox ก็ถูกเปิดตัวขึ้นในปี 2010
โดยหลังจากที่มีกระดานเทรดซึ่งเป็นสถานที่สำหรับซื้อขายสกุลเงินดิจิทัลเกิดขึ้นมา Bitcoin ก็ได้รับความสนใจมากขึ้นตามไปด้วย จนส่งผลให้ในไม่นานเหรียญก็ทำราคาทะลุ 1 ดอลลาร์ไปได้ในปี 2011
และหลังจากที่โลกได้รับรู้ถึงการสร้างกำไรอย่างมหาศาลของ Bitcoin ในช่วงนั้น ทำให้มีนักพัฒนาจำนวนมากเริ่มสร้างสกุลเงินดิจิทัลของตัวเอง โดยจุดมุ่งหมายที่จะให้สกุลเงินของตนมีความเร็วกว่า Bitcoin หรือมีจุดเด่นด้านอื่นๆ โดยสิ่งนี้ยิ่งก่อให้เกิดกระแสนิยมในอุตสาหกรรมคริสโตเพิ่มมากขึ้น จนส่งผลให้ Bitcoin ทำราคาขึ้นไปถึงระดับ 100 ดอลลาร์ได้ในช่วงต้นปี 2013 พร้อมกับสามารถพุ่งทะยานไปถึง 1,000 เหรียญได้ภายในปลายปีเดียวกัน
อย่างไรก็ตาม ช่วงขาขึ้นก็ได้จบลงในปี 2014 หลังจากที่ Mt. Gox มีการประกาศว่าถูกโจมตีทางไซเบอร์ โดยแฮกเกอร์สามารถขโมย BTC ไปได้ถึง 850,000 เหรียญ เรียกได้ว่านี่ถือเป็นการโจรกรรม Bitcoin ครั้งใหญ่ครั้งแรกของอุตสาหกรรม โดยมันได้สร้างความตื่นตระหนกให้กับผู้ใช้งานเป็นอย่างมาก จนทำให้หลายคนเชื่อว่านี่อาจเป็นจุดจบของสกุลเงินดิจิทัล และหาเทขายเหรียญของตนเอง จนทำให้ราคา Bitcoin ลดลงอย่างรุนแรงในช่วงเดือนเมษายนปี 2014
อย่างไรก็ตาม Bitcoin สามารถฟื้นตัวกลับขึ้นมาได้ในช่วงปลายปีเดียวกัน และเริ่มกลับมาได้รับความสนใจจากบริษัทยักษ์ใหญ่หลายแห่ง ซึ่งรวมถึง Microsoft ที่เริ่มยอมรับการชำระเงินด้วย Bitcoin
ขาขึ้นและขาลงของ Bitcoin
หลังจาก Bitcoin ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากกรณีของ Mt. Gox และสามารถฟื้นตัวขึ้นมาได้ในช่วงปลายปี 2014 แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะกลับมาสู่ขาขึ้นเลยทันที เพราะตลาดแลกเปลี่ยนอื่นๆนั้นไม่สามารถฟื้นตัวให้กลับมาแข็งแกร่งเหมือนเดิมได้ในระยะเวลาอันสั้น โดย Bitcoin ต้องใช้เวลาถึง 3 ปีเพื่อฟื้นตัวและทำให้สร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุนก้าวข้ามความกลัวหลังจากเหตุการณ์ดังกล่าว
จนมาถึงในปี 2017 ที่ถูกขนานนามว่าเป็นช่วงขาขึ้นครั้งใหญ่ครั้งแรกของ Bitcoin และเป็นช่วงที่ผลักดันให้วงการคริปโตไปสู่จุดที่ไม่เคยไปถึงมาก่อน เริ่มจากการที่ Bitcoin สามารถทำราคาพุ่งแต่ระดับ 20,000 ดอลลาร์ได้ในปลายปี 2017 ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดอันน่าทึ่งที่ไม่ไม่มีใครเคยคาดคิดว่าจะเกิดขึ้น
แต่อย่างไรก็ตามเมื่อเข้าสู่ปี 2018 ซึ่งเป็นช่วงที่เกิดวิกฤตการณ์ฟองสบู่แตก Bitcoin ก็ได้ทำราคาร่วงลงๆเช่นเดียวกัน ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่ตลาดและวงการเริ่มรู้จักสิ่งที่เรียกว่าภาวะตลาดซบเซาหลังจากช่วงขาขึ้น หรือ crypto winter ซึ่งสภาวะดังกล่าวจะคงอยู่ตลอดทั้งปี 2018
และจนเมื่อเข้าสู่ปี 2019 ตลาดคริปโตเริ่มฟื้นตัวขึ้นเล็กน้อย แนวโน้ม BTC ยังดูดีขึ้นตลอดทั้งปี แต่เมื่อเข้าสู่ปี 2020 เมื่อสถานการณ์โควิด 19 ได้กลายเป็นวิกฤตการณ์ระดับโลก และส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของหลายประเทศทั่วโลก ทำให้อุตสาหกรรมคริปโตกลับมาประสบปัญหาอีกครั้ง อันเนื่องมาจากความสัมพันธ์ของมันที่มีต่อตลาดหุ้นเล็กน้อย
แต่ทั้งนี้ถึงแม้ตลาดหุ้นร่วงหนักอย่างต่อเนื่อง แต่ Bitcoin และเหรียญ Altcoin อื่นๆ กลับฟื้นตัวขึ้นได้อย่างรวดเร็ว และทำผลงานได้ดีกว่าทองคำพร้อมกับดึงดูดนักลงทุนอีกเป็นจำนวนมาก
และนี่ได้นำไปสู่ช่วงขาขึ้นครั้งใหญ่ครั้งที่ 2 ที่ในครั้งนี้ Bitcoin ได้พุ่งขึ้นเกือบถึง 69,000 ดอลลาร์ แต่กลับสูญเสียโมเมนตัมขาขึ้นไปในเดือนพฤศจิกายน 2021 และเข้าสู่ขาลงของตลาดคริปโตอีกครั้ง ประกอบด้วยต่อมาในช่วงต้นปี 2022 รัสเซียเริ่มรุกรานยูเครน จนนำไปสู่ผลกระทบทางการเมือง การเงิน และด้านอื่นๆอีกมากมายทั่วโลก อันยิ่งส่งผลเสียต่อระบบการเงินทั่วโลกที่กำลังเผชิญภาวะเงินเฟ้ออยู่แล้ว ซึ่งสิ่งนี้ได้เกิดขึ้นกับองค์การคริปโตเช่นเดียวกัน จากการที่มีบริษัทคริปโตหลายแห่งเริ่มล้มละลาย โดยมีบริษัท FTX ซึ่งเป็น 1 ในกระดานแลกเปลี่ยนที่มีตลาดใหญ่ที่สุดในโลก ต้องยื่นฟ้องล้มละลายด้วยเช่นกัน
ทั้งนี้จากการตรวจสอบกรณีล้มละลายของ FTX ยังทำให้เห็นถึงการบริหารจัดการเงินทุนของบริษัทที่ผิดพลาด และนโยบายของบริษัทที่ไม่โปร่งใสอีกมากมาย ซึ่งส่งผลเสียต่อการล่มสลายของธุรกิจอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับแพลตฟอร์ม โดยทั้งหมดนี้ยิ่งทำให้ภาวะซบเซาในตลาดเติบโตต้องถูกยืดเยื้อออกไป
อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงที่ดีก็เริ่มเกิดขึ้นเมื่อตลาดคริปโตได้เข้าสู่ปี 2023 โดยนับตั้งแต่ต้นปีนี้ ดูเหมือนนักลงทุนจะเริ่มมีความหวังและความสนใจในสกุลเงินดิจิทัลอีกครั้ง ดูได้จากราคาที่กำลังฟื้นตัวขึ้น และจากการที่ Bitcoin สามารถฟื้นตัวมาถึงระดับ 28,967 ดอลลาร์ได้เมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2023 จากราคา 16,550 ดอลลาร์เมื่อวันที่ 1 มกราคมปี 2023 แล้วส่งสัญญาณความผันผวนที่ต่ำลง ทำให้หลายคนมองว่าเหรียญกำลังเริ่มกลับเข้าสู่ขาขึ้นอย่างช้าๆ
ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อราคา Bitcoin
คุณอาจพอเห็นปัจจัยที่ส่งผลต่อราคา Bitcoin ไปบ้างแล้ว หลังจากที่ได้อ่านมาจนถึงตอนนี้ แต่ยังคงมีปัจจัยอีกหลายอย่างที่ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงของราคา ตัวอย่างเช่น
- อุปสงค์และอุปทาน
- ระดับการยอมรับในตัวเหรียญ
- กรณีใช้งานและโซลูชันที่ตัวโครงการสามารถนำเสนอ
- การเติบโตของตลาดคริปโตโดยรวม
- การนำเสนอผ่านสื่อ
- ปริมาณการซื้อขาย
- การถูกลิสต์บนกระดานแลกเปลี่ยน
- การแข่งขัน
- รางวัล/ต้นทุนการขุด
โดยเราได้กล่าวถึงปัจจัยในด้านอุปสงค์และอุปทานไปบ้างแล้วก่อนหน้านี้ เนื่องจากมันเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงราคา โดยต่อมาเราจะมุ่งเน้นไปที่ปัจจัยอื่นๆเพิ่มเติมอย่างเช่นปัจจัยเกี่ยวกับระดับการยอมรับในตัวเหรียญและกรณีใช้งานกันบ้าง
สำหรับปัจจัยทางด้านการยอมรับของ Bitcoin มีความสำคัญต่อการเปลี่ยนแปลงด้านราคาอย่างมาก เพราะยิ่ง Bitcoin ถูกยอมรับและใช้งานจากบุคคล ธุรกิจ รวมถึงองค์กรหรือสถาบันทางการเงินที่มีชื่อเสียงมากเท่าใด มูลค่าของมันก็จะยิ่งสูงขึ้นมากเท่านั้น
และเนื่องจากการที่ Bitcoin ไม่มีพรมแดนในด้านการใช้งาน ทำให้คุณสามารถใช้มันได้ทุกที่ทั่วโลก ตราบใดที่ยังเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต โดยไม่จำเป็นต้องมีบุคคลที่ 3 เพื่อเป็นตัวกลางในการรับส่งเงิน ทำให้ Bitcoin มีโอกาสได้รับการยอมรับมากขึ้นในอนาคต
และอีกหนึ่งปัจจัยที่สำคัญ คือปัจจัยในด้านการแข่งขัน โดยเฉพาะจาก Altcoin หรือสกุลเงินดิจิทัลทางเลือก ที่มีจุดเด่นในด้านความเร็วและมีกรณีใช้งานที่เฉพาะเจาะจงมากกว่า โดยข้อมูลเมื่อเดือนตุลาคมปี 2023 ได้มีรายงานการตรวจพบ Altcoin กว่า 24,200 สกุลเงิน แต่อย่างไรก็ตาม Bitcoin ยังคงเป็นเหรียญที่ได้รับการยอมรับมากที่สุดจากสถานะที่เป็นสกุลเงินดิจิทัลรุ่นแรกและความเชื่อมั่นในตัวมันของนักลงทุนทั่วโลก ทำให้หลายคนเชื่อว่า Bitcoin จะไม่มีวันสูญเสียสถานะเหรียญคริปโตอันดับ 1 ให้กับ Altcoin เหรียญใดเหรียญ 1 อย่างแน่นอน
การขุด Bitcoin
อีกสิ่งหนึ่งที่เป็นปัจจัยสำคัญต่อราคา Bitcoin ไม่แพ้กันก็คือ ‘การขุด’ หรือ ‘ต้นทุนในการขุดเหรียญ’ โดย Satoshi Nakamoto ได้สร้าง Bitcoin ขึ้นมาจากแนวคิดในการใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนซึ่งเป็นระบบที่ธุรกรรมของผู้ใช้งานจะถูกประมวลผลโดย algorithm และเก็บไว้ในบล็อกที่เชื่อมต่อกันเป็นบล็อกเชน โดยที่บล็อกเชนเหล่านี้จะทำหน้าที่เหมือนสมุดบัญชีที่จะเรียงตามลำดับเวลา และเพื่อที่ประมวลผลบัญชีเหล่านี้ มันจำเป็นจะต้องใช้พลังงานคอมพิวเตอร์ในการช่วยให้อัลกอริทึมทำงาน
และเนื่องจาก Bitcoin เป็นเครือข่ายในรูปแบบกระจายศูนย์ จึงไม่มีหน่วยงานกลางที่จะจัดสรรพลังงานคอมพิวเตอร์และไฟฟ้าที่จำเป็นต่อการประมวลผลการทำธุรกรรม อย่างไรก็ตามระบบที่ Satoshi สร้างขึ้นมานั้น ได้มอบหมายให้สมาชิกภายในชุมชน Bitcoin สามารถเป็นส่วนร่วมในการช่วยประมวลผลการทำธุรกรรมภายในบล็อกเชนหรือที่เรียกว่าการขุด โดยที่จะได้รับผลตอบแทนหรือรางวัลเป็น Bitcoin
โดยนักขุดกลุ่มแรกจะได้รับรางวัลอยู่ที่ 50 BTC ต่อการขุด 1 บล็อก โดยที่รางวัลสำหรับการขุดจะลดลงครึ่งหนึ่ง (Halving) ทุกๆ 210,000 บล็อก ที่ถูกขุด ซึ่งในปัจจุบัน หลังจากผ่านพ้นการ Halving มาแล้วถึง 3 รอบ รอบทำผลตอบแทนจากการขุดได้เหลืออยู่ที่ 3.125 Bitcoin ต่อ 1 บล็อค
ทำไมราคา Bitcoin ถึงผันผวน
เนื่องจาก Bitcoin เป็นสกุลเงินดิจิทัลที่ไม่ได้รับการหนุนหลังโดยสิ่งใด เพราะมูลค่าของมันเกิดขึ้นมาจากความเชื่อมั่นผู้คนเพียงเท่านั้น ที่มองว่า Bitcoin มีคุณสมบัติเสมือนสกุลเงินจริง ด้วยเหตุนี้จึงทำให้มีปัจจัยหลายอย่างที่ส่งผลต่อการกำหนดมูลค่าของมัน ทั้งในทางตรงและทางอ้อม
โดยการที่ Bitcoin ถูกออกแบบมาเพียง 21 ล้านเหรียญเท่านั้น และในขณะเดียวกันยังมีส่วนหนึ่งที่ไม่ได้อยู่ในระบบหมุนเวียนทั้งหมด แต่ในขณะที่มีประชากรโลกมากกว่า 7.888 พันล้านคน ทำให้หมายความว่ายิ่งมีจำนวนคนที่ต้องการใช้ Bitcoin มากเท่าไหร่ เหรียญก็จะยิ่งมีความขาดแคลนมากขึ้น ซึ่งเปรียบเสมือนการรับประกันได้ว่ามูลค่าของ Bitcoin จะมีแต่เพิ่มสูงขึ้นไปเรื่อยๆ ซึ่งกรณีนี้เองก็ได้เกิดขึ้นกับทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัดอย่าง ‘ทองคำ’
ทั้งนี้อย่างไรก็ตามมูลค่าของ Bitcoin จะขึ้นสูงหรือต่ำนั้นขึ้นอยู่กับ ‘อุปสงค์’ และ ‘อุปทาน’ เป็นส่วนใหญ่ เพราะเพียงแค่การเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยในส่วนอุปสงค์ก็สามารถทำให้ราคาขยับขึ้นลงอย่างชัดเจน นอกจากปัจจัยอื่นๆอย่างเช่นการพัฒนาอื่นๆที่มีความเกี่ยวข้องกับ Bitcoin ทั้งทางตรงหรือทางอ้อม ก็มีส่วนส่งผลต่อการขึ้นลงของราคา Bitcoin ด้วยเช่นกัน
ยกตัวอย่างเช่น ในกรณีที่ตลาดหุ้นประสบภาวะตกต่ำ Bitcoin จะมีโอกาสทำราคาขยับขึ้น เนื่องจากมันเป็นสินทรัพย์ที่ถูกจัดอยู่ในประเภท ‘สินทรัพย์ปลอดภัย’ หรือ ‘Safe Haven Asset’ ซึ่งทำให้หลายคนเชื่อว่ามันจะมาแทนที่ทองคำในสักวันหนึ่ง
เรียกได้ว่ายังมีอีกหลายปัจจัย ที่ส่งผลต่อราคาของ Bitcoin แต่อย่างไรก็ตาม ปัจจัยเหล่านี้ไม่ได้ส่งผลต่อราคาของเหรียญโดยตรง แต่มันส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนเป็นหลัก เนื่องจากพฤติกรรมของคนเหล่านี้ตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของตลาด ซึ่งมีปฏิกิริยาต่อความต้องการหรืออุปสงค์ ซึ่งกำหนดการขึ้นลงของราคา Bitcoin
มูลค่าของ Bitcoin เปลี่ยนแปลงบ่อยแค่ไหน
มีการซื้อขาย Bitcoin เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลาทั่วโลก ซึ่งสิ่งนี้แตกต่างจากรูปแบบการซื้อขายในตลาดดั้งเดิมอย่างมาก เพราะ Bitcoin ไม่มีวันปิดทำการในช่วงสุดสัปดาห์หรือหลังเลิกงาน แต่กลับเปิดให้บริการซื้อขายแบบไม่มีวันหยุดโดยมีผู้คนหลายล้านคนทั่วโลกเข้ามาซื้อขายอยู่ตลอดเวลา ด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้ความต้องการในตัวเหรียญมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ซึ่งส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงทางด้านราคา
จากที่ได้กล่าวไปข้างต้น ว่าแพลตฟอร์มกระดานแลกเปลี่ยนคริปโตส่วนใหญ่ในปัจจุบัน มีฟีเจอร์สำหรับการติดตามราคา Bitcoin แบบเรียลไทม์ ที่คอยอัพเดทเป็นมิลลิวินาที เพื่อให้สอดคล้องกับราคาของ Bitcoin ที่เคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา และด้วยเหตุนี้เองเราจึงมองได้ว่า Bitcoin มีโอกาสที่จะเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นขาขึ้นหรือลง
ใครควรลงทุนกับ Bitcoin
Bitcoin ถือเป็นสินทรัพย์ที่มีราคาแพง แต่คุณไม่จำเป็นที่จะต้องเป็นเศรษฐีเพียงเพื่อจะสามารถซื้อมันได้ เพราะจริงอยู่ที่ว่า 1 Bitcoin มีมูลค่าหลายหมื่นดอลลาร์ แต่คุณสามารถซื้อได้ในอัตราส่วนที่เป็นทศนิยมของมัน ที่เรียกว่า “ซาโตชิ” (Satoshis) ซึ่งมีรูปแบบคล้ายกับการที่สกุลดอลลาร์มี ‘เซนต์’ เป็นสกุลเงินภายในอีกที
โดยปกติแล้วเงิน 1 ดอลลาร์จะเท่ากับ 100 เซนต์ แต่สำหรับ Bitcoin แล้ว 1 Bitcoin จะประกอบไปด้วย 100 ล้านซาโตชิ หรือก็คือ 1 ซาโตชิจะเท่ากับ 0.00000001 BTC นั่นเอง ซึ่งในปัจจุบัน 1 ซาโตชิจะมีมูลค่าเท่ากับ 0.52 ดอลลาร์ ด้วยเหตุนี้เอง จึงทำให้ทุกคนสามารถลงทุนใน Bitcoin ได้ ด้วยเงินเริ่มต้นเพียง 1 ดอลลาร์เท่านั้น
ทั้งนี้ผู้ที่ควรลงทุนใน Bitcoin สามารถเป็นเป็นได้ทั้งคนที่ต้องการได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนในระยะยาวหรือการเทรดในระยะสั้น และรวมไปถึงกลุ่มคนที่ต้องการใช้ Bitcoin สำหรับการชำระสินค้าและบริการอื่นๆ ที่เปิดให้มีการชำระเงินโดยใช้ Bitcoin ทั้งนี้อย่างไรก็ตาม เงินที่นำไปลงทุนใน Bitcoin ควรที่จะเป็นเงินเย็น เพราะ Bitcoin ยังถือเป็นสินทรัพย์ที่มีความผันผวนสูง และมีความเสี่ยงที่จะขาดทุนอย่างรวดเร็วอยู่เสมอ
ยังคุ้มค่าหรือไม่ที่จะซื้อ Bitcoin ในปี 2024
สำหรับการลงทุนใน Bitcoin การเลือกช่วงเวลาที่เหมาะในการเข้าซื้อนั้นเป็นสิ่งสำคัญอย่างมาก ยกเว้นแต่ว่าคุณเป็นนักลงทุนระยะยาว ที่มีแผนถือเหรียญนานกว่า 5 ถึง 10 ปีขึ้นไป เพราะหากคุณเป็นนักลงทุนในระยะยาว คุณจะสามารถเข้าซื้อเหรียญได้ทุกช่วงเวลา เนื่องจากคนส่วนใหญ่ในตลาดเชื่อว่า Bitcoin จะมีมูลค่าสูงขึ้นอย่างมากในระยะยาว ถึงแม้จะไม่มีใครสามารถบอกได้ชัดเจนว่ามันจะทำราคาไปถึงจุดสิ้นสุดที่เท่าใด
ในทางกลับกัน การเลือกระยะเวลาในการเข้าซื้อ Bitcoin ถือเป็นสิ่งสำคัญอย่างมากสำหรับการลงทุนในระยะสั้น เพราะคุณจำเป็นที่จะต้องซื้อในราคาที่ต่ำและกำลังมีโอกาสที่จะทำราคาเพิ่มขึ้น เพื่อขายทำกำไร ซึ่งมาถึงคำถามที่ว่า ในเดือนกรกฎาคมปี 2024 นี้ ถือเป็นช่วงเวลาที่ดีสำหรับการเข้าซื้อ Bitcoin หรือไม่
ทั้งนี้หากอ้างอิงจากความเห็นของผู้เชี่ยวชาญหลายคน จะพบว่านี่เป็นช่วงเวลาที่ดีในการเข้าซื้อ Bitcoin เพราะเหรียญเพิ่งจะผ่านพ้นช่วง crypto winter ที่กินเวลานานถึง 1 ปีมาได้สำเร็จ อีกทั้งไม่นานมานี้ มันพึ่งได้แสดงศักยภาพในตัวเองไป จากการที่ทำราคาพุ่งสูงขึ้นจนทำจุดสูงสุดใหม่ที่ระดับ 73,750 ดอลลาร์ ไปเมื่อวันที่ 14 มีนาคม ที่ผ่านมา โดยเรียกได้ว่าในปีนี้ แนวโน้ม BTC มีความเป็นไปได้สูงว่ากำลังทำราคาฟื้นตัวขึ้นมาได้อย่างแข็งแกร่ง
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ แนวโน้ม BTC จะเริ่มดูดีขึ้นในปีนี้ แต่ในปัจจุบันหรือยังคงเผชิญกับแนวต้านสำคัญ หลังจากที่มีการปรับตัวลงจากจุดสูงสุดหมายเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา โดยหากมองในระยะสั้น จะพบว่าเหรียญยังไม่มีสัญญาณในการฟื้นตัวเร็วๆนี้ และด้วยเหตุนี้เอง การค้นคว้าและวิเคราะห์ข้อมูลด้วยตนเองจึงเป็นสิ่งสำคัญก่อนที่คุณจะตัดสินใจลงทุนกับ Bitcoin เพราะนี่เป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงสูงและอันตรายเกินไปที่จะทำตามคำแนะนำทางการเงินแบบสุ่มสี่สุ่มห้า จงรู้ตัวอยู่เสมอว่าคุณกำลังทำอะไรและทำไม
ประโยชน์ของ Bitcoin
ในมุมมองของคนส่วนใหญ่ Bitcoin ถือเป็นเงินที่มาในรูปแบบสกุลเงินดิจิทัล ที่ยังไม่ถูกยอมรับโดยธนาคารและรัฐบาลส่วนมาก จึงทำให้ Bitcoin ยังไม่มีสิทธิ์ที่จะถูกนำไปใช้เพื่อจ่ายภาษีหรือชำระหนี้ให้กับธนาคารได้ แต่คุณสามารถใช้เงินซื้อสินค้าและบริการออนไลน์ได้ หากร้านค้าดังกล่าวรับการชำระเงินผ่าน Bitcoin
นอกจากนี้ ในปัจจุบันมีแพลตฟอร์มกระดานเทรดและชำระเงินหลายแห่ง ที่ออก ‘บัตรคริปโต’ เพื่อให้คุณสามารถเติมเหรียญเข้าไปใน Application ของแพลตฟอร์มนั้นๆ และใช้บัตรชำระเงินได้เกือบทุกที่ โดยที่ทางแพลตฟอร์มจะทำการเปลี่ยนแปลงสกุลเงินคริปโตของคุณ เป็นสกุลเงินที่ทางร้านค้าหรือผู้ให้บริการต้องการ หมายความว่า คุณสามารถจ่ายด้วย Bitcoin ในขณะที่ร้านค้าหรือผู้ให้บริการสามารถเลือกรับเป็นเงินสกุล USD, EUR, GBP หรือสกุลเงินอื่น ๆ ที่พวกเขาต้องการได้ ดังนั้น Bitcoin จึงถือเป็นอีกหนึ่งสกุลเงินที่สามารถใช้ชำระเงินได้ ถึงแม้จะเป็นในรูปแบบทางอ้อม
อย่างไรก็ตาม ประโยชน์ที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งของ Bitcoin คือการที่มันสามารถเข้าถึงธนาคารและอุตสาหกรรมทางการเงินได้ทั่วโลกอย่างไม่มีขอบเขต ซึ่งอาจเข้ามาช่วยแก้ปัญหาความขาดแคลนในการเข้าถึงบริการธนาคาร ของกลุ่มคนที่อยู่ในประเทศหรือพื้นที่ที่ธนาคารไม่สามารถเข้าถึงได้อย่างทั่วถึง เพื่อช่วยให้คนเหล่านี้สามารถกู้ยืม และช่วยพัฒนาเศรษฐกิจในท้องถิ่นของตน
เพราะทุกคนสามารถเข้าถึง Bitcoin หรือผลิตภัณฑ์คริปโตอื่นๆในตลาดได้อย่างง่ายดาย ขอเพียงแค่คุณมีสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต แล็ปท็อป หรือเดสก์ท็อป และเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตเท่านั้น โดยความสามารถนี้ถือเป็นอุตสาหกรรมทางการเงินในรูปแบบใหม่ที่เรียกว่า การเงินแบบกระจายศูนย์ หรือ Decentralized finance (DeFi) ซึ่งยังคงเป็นส่วนที่ค่อนข้างใหม่อย่างมากในอุตสาหกรรมคริปโต
และประโยชน์อีกอย่างหนึ่งของ Bitcoin คือการที่มันยังสามารถถูก ‘ขุด’ ขึ้นมาได้ ถึงแม้ว่าในตอนนี้จะมีการการแข่งขัน ที่สูงมากขึ้นในอุตสาหกรรมการคุณ Bitcoin จนทำให้เป็นเรื่องยากแล้วมีต้นทุนสูงเกินกว่าที่บุคคลธรรมดาจะสามารถทำการขุดขึ้นเองได้ แต่อย่างไรก็ตามคุณยังสามารถเข้าร่วมกลุ่มขุด (mining pool) ในแพลตฟอร์มต่างๆ เพื่อรับส่วนแบ่งในการขุดได้เช่นเดียวกัน
เริ่มต้นลงทุนกับ Bitcoin อย่างไร
สำหรับการเริ่มลงทุนใน Bitcoin สิ่งแรกที่คุณควรจะทำคือการเลือกแพลตฟอร์มในการซื้อขาย หรือที่เรียกกันว่ากระดานเทรด ที่สามารถใช้งานได้ในประเทศของคุณ ลองเปรียบเทียบแพลตฟอร์มต่างๆไม่สามารถใช้งานได้และเลือกใช้งานแพลตฟอร์มที่เหมาะสมกับคุณมากที่สุด
ต่อมา เนื่องจาก Bitcoin เป็นสกุลเงินดิจิตอลที่ใหญ่ที่สุดและได้รับความนิยมมากที่สุด จึงทำให้มันถูกลิสต์ให้มีการซื้อขายอยู่ในเกือบทุกกระดานเทรด ดังนั้นสิ่งที่คุณต้องพิจารณาในตัวแพลตฟอร์มนั้นไม่ใช่เรื่องการรองรับเหรียญ แต่ควรพิจารณาในเรื่องค่าธรรมเนียมและเหรียญคริปโตอื่นๆที่คุณต้องการซื้อขายด้วย
ทั้งนี้คุณต้องมีวอลเล็ตคริปโตที่รองรับ Bitcoin ซึ่งตัวเลือกที่ดีและปลอดภัยที่สุดที่สุดในการเก็บรักษา Bitcoin ก็คือ Hardware Wallets เนื่องจากมันเป็นอุปกรณ์ที่ต้องเสียบเข้ากับคอมพิวเตอร์ก่อนเพื่อที่จะทำธุรกรรมใด ทำให้ความเสี่ยงในการถูกขโมยหรือแฮกผ่านอินเทอร์เน็ตมีโอกาสเกิดขึ้นน้อยที่สุด อย่างไรก็ตาม สิ่งที่คุณไม่ควรทำอย่างเด็ดขาดเลย นั่นก็คือการเก็บ Bitcoin ของตนเองเอาไว้ในวอลเล็ตของแพลตฟอร์มซื้อขาย
หากคุณไม่ได้มีแผนที่จะใช้ Bitcoin ในเร็วๆนี้ คุณควรถอนเหรียญของคุณออกจากวอลเล็ตในแพลตฟอร์มซื้อขายอยู่เสมอ เนื่องจากแพลตฟอร์มซื้อขายเหล่านี้เป็นเจ้าของคีย์ส่วนตัวของวอลเล็ตในบัญชีแพลตฟอร์มของคุณ ซึ่งพวกเขาอาจจะทำอะไรที่ไม่ดีได้ ดังคำกล่าวที่ว่า “not your keys or coins”
นอกเหนือจากนี้ คือการที่คุณควรศึกษาหาความรู้ก่อนที่จะลงทุนเกี่ยวกับ Bitcoin ทั้งในเรื่องการใช้เครื่องมือต่างๆทั้งในทางเทคนิคและพื้นฐาน เพื่อที่จะสามารถวิเคราะห์กราฟราคาได้ด้วยตนเอง ซึ่งสิ่งนี้เป็นเรื่องจะต้องใช้เวลากับมัน เพราะคุณไม่สามารถเรียนรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับการลงทุนได้ เพียงแค่อ่านบทความไม่กี่บทความ และยิ่งคุณให้เวลาในการศึกษาเกี่ยวกับมันมากเท่าไหร่ โอกาสที่จะทำกำไรของคุณก็จะยิ่งสูงขึ้นตามไปด้วย
การเก็บภาษีจากการลงทุนใน Bitcoin
ถึงแม้ Bitcoin จะเติบโตอย่างมากในปัจจุบัน ทำในด้านการยอมรับและราคา แต่ประเทศทั่วโลกส่วนใหญ่ยังไม่มีกฎระเบียบที่ชัดเจนมากนักสำหรับ Bitcoin และสกุลเงินดิจิทัลอื่นๆในตลาด แต่ก็มีบางประเทศที่เริ่มมีการเก็บภาษีจากสกุลเงินดิจิทัล แล้วประเทศเหล่านี้นี้ก็มีกฎหมายที่เกี่ยวกับภาษีคริปโตแตกต่างกัน โดยไม่มีกฎเกณฑ์สากลใดๆ ดังนั้นคุณควรศึกษาเกี่ยวกับกฎหมายภาษีในประเทศของคุณ เพื่อดูว่าคุณจะต้องเสียภาษีหรือไม่และอย่างไร
ทั้งนี้ต้องยอมรับว่าไม่ใช่ทุกประเทศที่มีการเก็บภาษีคริปโต ดังนั้นการศึกษาเรื่องภาษีก่อนเริ่มลงทุนใน Bitcoin และสกุลเงินดิจิทัลอื่นๆจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อที่คุณจะทราบข้อมูลเกี่ยวกับการเก็บภาษีในประเทศนั้นเป็นอย่างไร และนำสิ่งนี้ไปประกอบการตัดสินใจในการลงทุน
ควรลงทุน Bitcoin ระยะสั้น หรือ ระยะยาว
หนึ่งในคำถามที่พบบ่อยมากที่สุดเกี่ยวกับ Bitcoin คือ “การลงทุนใน Bitcoin ระยะสั้น หรือ ระยะยาว นั้นดีกว่ากัน?” โดยคำตอบที่ดีที่สุดก็คือ ทั้ง 2 วิธีเป็นทางเลือกที่ถูกต้อง และไม่มีวิธีไหนที่ดีกว่าอีกวิธี อย่างไรก็ตามทั้ง 2 วิธีมีความแตกต่างกันอย่างมาก ซึ่งล้วนแล้วแต่ความซึ่งชอบและความเหมาะสมส่วนบุคคล
สำหรับการลงทุนในระยะยาว จะเหมาะกับคนที่เชื่อว่า Bitcoin จะมีโอกาสเติบโตต่อไปในอนาคต นอกจากนี้ยังเป็นวิธีที่เหมาะสำหรับคนที่ไม่มีเวลามามากพอที่จะติดตามข่าวสารในวงการคริปโต เพื่อค้นหาเหรียญใหม่ๆที่มีโอกาสเติบโตอยู่ด้วยเรื่อยๆ โดยการลงทุนในลักษณะนี้จะเป็นการซื้อ Bitcoin แล้วเก็บไว้ในวอลเล็ตส่วนตัวที่ปลอดภัย และไม่เข้าไปยุ่งกับมันเลยอีกหลายปี
ในทางกลับกัน การเทรดหรือลงทุนในระยะสั้นอาจเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า หากคุณต้องการใช้ประโยชน์จากความผันผวนของราคา Bitcoin ที่เกิดขึ้นทุกวัน แต่อย่างไรก็ตาม สิ่งที่จำเป็นอย่างมากสำหรับการเทรดระยะสั้น คือความเข้าใจในการวิเคราะห์ทางเทคนิคและพื้นฐาน อีกทั้งนักเทรดจะต้องการติดตามข่าวสารในตลาดอย่างใกล้ชิด เพื่อจะได้ คาดการณ์ราคา Bitcoin ที่อาจเปลี่ยนแปลงได้ทุกเวลา
โดยการจับจังหวะเวลา ถือเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับนักเทรด โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการเทรดรายวัน (day trading) เนื่องจากวิธีการนี้เป็นการเข้าซื้อ Bitcoin และขายภายใน 1 วัน เพื่อทำกำไรเพียงเล็กน้อย แต่จะสะสมเป็นกำไรจำนวนมากได้ในระยะยาว
โดยสรุปแล้ว การลงทุนทั้ง 2 วิธีนี้ไม่มีอะไรดีไปกว่ากัน อยู่กับความเหมาะสมของตัวนักลงทุนเอง ว่าจะเลือกใช้วิธีการใด เพราะการลงทุนในระยะยาวจะต้องใช้ความอดทนเป็นเวลาหลายปี ในขณะที่การลงทุนในระยะสั้นหรือการเทรด จะต้องใช้ความมีวินัย การตัดสินใจอย่างรอบคอบ และข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับคริปโต เพื่อจับจังหวะการเข้าซื้อและขายให้ได้กำไร
คาดการณ์ราคา Bitcoin วันนี้
มีสิ่งหนึ่งที่คุณควรรู้ ก่อนจะเข้าสู่ช่วง คาดการณ์ราคา Bitcoin นั่นก็คือบทวิเคราะห์นี้เป็นเพียงแค่การคาดเดาล้วนๆ เพราะถึงแม้ว่ามันจะอ้างอิงมาจากความเห็นของผู้เชี่ยวชาญ ที่ คาดการณ์ราคา Bitcoin จากข้อมูลทางประวัติศาสตร์ พฤติกรรมของตลาดในปัจจุบัน และปัจจัยอื่นๆ แต่มันก็ไม่ได้รับประกันว่าสิ่งนี้จะเกิดขึ้นจริง เพราะมันเป็นไปไม่ได้สำหรับตลาดคริปโต ที่จะสามารถทำนายราคา Bitcoin ได้อย่างแม่นยำและแน่นอน เนื่องจากมันสามารถเปลี่ยนแปลงไปได้ภายในเวลาเพียงไม่กี่วันหรือไม่กี่ชั่วโมง
แต่ทั้งนี้หากดูจากบทความทำนายราคา Bitcoin วันนี้จาก Cointelegraph เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม ปี 2024 จะพบว่าในขณะนี้ Bitcoin สามารถทำราคาขึ้นมายืนเหนือเส้น sma 20 วัน ได้สำเร็จ ซึ่งบ่งชี้ให้ถึงความอ่อนแรงลงของตลาดนี้ โดยที่มีความเป็นไปได้ว่าตลาดกระทิงจะเริ่มเคลื่อนไหวเข้าไปทดสอบแนวแนวต้านสำคัญที่ระดับ 64,602 ดอลลาร์ และหากทำสำเร็จ Bitcoin จะมีโอกาสกลับเข้าสู่โมเมนตัมขาขึ้นและพุ่งไปถึงระดับ 72,000 ดอลลาร์ไปจนถึงแนวต้านต่อไปที่ระดับ 73,777 ดอลลาร์
ในทางกลับกันหากเหรียญยังคงทำราคาลดลงต่ำกว่าระดับ 64,602 ดอลลาร์ จะเป็นสัญญาณที่บ่งชี้ว่าตลาดกำลังมีแรงขายที่เพิ่มขึ้น ซึ่งส่งผลทำให้ Bitcoin อาจทำราคาลดลงไปทดสอบแนวรับเส้น sma 20 วันในระดับ 59,522 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นจุดที่น่าจับตามอง เนื่องจากมีความเป็นไปได้ที่จะมีนักลงทุนจำนวนมาก กำลังรอเข้าซื้อเพิ่มเติมในระดับดังกล่าว ซึ่งอาจเป็นส่วนช่วยให้เหรียญสามารถติดตัวทำราคาทะลุแนวต้านที่ 64,602 ดอลลาร์ ไปได้
อีกทางเลือกสำหรับผู้ชื่นชอบ Bitcoin ในปี 2024
ในปัจจุบัน ยังมีสกุลเงินคริปโตอีกมากมายที่ถูกสร้างให้เป็นอีกทางเลือกสำหรับผู้ใช้งาน Bitcoin เนื่องจากนักลงทุนมากประสบการณ์หลายคนยังคงมองหาโอกาสในโลกการลงทุนใหม่ๆ ที่อาจทำกำไรได้มหาศาล
โดย Bitcoin Minetrix ถือเป็นอีกหนึ่งในทางเลือกที่น่าสนใจ สำหรับผู้ที่ชื่นชอบในตัว Bitcoin เนื่องจากจุดเด่นของระบบในโครงการที่ไม่เหมือนใคร ที่มาในรูปแบบ ‘stake-to-mine’ ทั้งนี้โครงการมีเป้าหมายในการกำหนดนิยามใหม่ของระบบนิเวศการขุดบนคลาวด์ โดยการรวมโลกของการ stake และการขุดเข้าด้วยกัน เพื่อแก้ไขปัญหาต่างๆที่เกิดจาก
- การหลอกลวงในรูปแบบที่รับเงินจากผู้ใช้งานไปแล้วล่วงหน้าแต่ไม่เปิดให้สามารถทำการขุดได้จริง
- มีการยึดเงินจะผู้ใช้งานมาเป็นของตนเอง
โดย Bitcoin Minetrix มีเป้าหมายในการเปลี่ยนแปลงแนวคิดของการขุดบนคลาวด์ โดย Bitcoin Minetrix ได้มีการผสานกระบวนการ Stake เข้ากับการขุด โดยมี Native Token อย่าง BTCMTX ซึ่งเป็น เป็น ERC-20 เป็นเครื่องมือในการ Stake เพื่อเข้าถึง mining credits โดยที่จะไม่สามารถทำการโอนหรือแลกเป็นเงินได้ โดยที่ผู้ใช้งานจะได้รับส่วนแบ่งเป็น Bitcoin จากการขุดหรือเผยเหรียญดังกล่าว
ปัจจุบัน BTCMTX กำลังอยู่ในช่วงพรีเซล ซึ่งจะมีอยู่ทั้งหมด 10 ขั้นตอน โดยจะมีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 0.011 ดอลลาร์ และมีเป้าหมาย Soft-cap ในการระดมทุนมากกว่า 15 ล้านดอลลาร์
สรุป
Bitcoin ถือเป็นสินทรัพย์ที่มีประวัติอันยาวนานและมีขนาดใหญ่มากที่สุดในอุตสาหกรรมคริปโต โดยมีวงจรชีวิตที่น่าตื่นเต้นอย่างมาก ทั้งจากการพุ่งทะยานขึ้นของราคาเหรียญ ไปจนถึงการดิ่งลงอย่างรุนแรง จนไปถึงการสร้างปรากฏการณ์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกคริปโต อีกครั้งมันยังขึ้นชื่อว่าเป็นสกุลเงินดิจิทัลที่ปลอดภัยที่สุดแล้วสำหรับการลงทุน เนื่องจากมันเป็นเหรียญตั้งต้นของอีกหลายๆเหรียญในตลาด
โดยถึงแม้ Bitcoin จะยังมีจุดบกพร่องในด้านความเร็วในการทำธุรกรรม การปรับขนาด และอื่นๆอีกมากมาย หากเปรียบเทียบกับเหรียญจากโครงการใหม่ๆในปัจจุบัน ที่มักจะมีจุดเด่นในการเข้ามาแก้ไขปัญหาด้านความเร็วและการปรับขนาด แต่อย่างไรก็ตาม มันยังคงเป็นเหรียญที่ทุกคนต้องการครอบครองมากที่สุด
ถึงแม้จะมีคนบางกลุ่มกล่าวว่าเวลาของ Bitcoin ได้หมดลงแล้ว เพราะช่วงที่ดีที่สุดของมันอยู่ในปี 2010 แต่หากมองในความเป็นจริง จะพบว่าในปัจจุบันคุณยังสามารถสร้างกำไรได้มหาศาล จากการเทรดหรือลงทุนใน Bitcoin แต่ก็อย่าลืมว่าความเสี่ยงในราคาที่ผันผวนของมันก็ยังไม่จางหายไปเช่นเดียวกัน และคนเท่านั้นที่จะเป็นคนควบคุมความเสี่ยงของตัวเอง
การทำความเข้าใจเกี่ยวกับการทำงานของอุตสาหกรรมคริปโต จึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างมากสำหรับนักลงทุน เพราะมันจะช่วยในการตัดสินใจได้ดีและสร้างกำไรได้มากขึ้น ดังนั้นจงทำการศึกษาค้นคว้าด้วยตนเอง ไม่ว่าจะเกี่ยวกับ Bitcoin, เหรียญคริปโตใหม่ๆ, หรือแม้แต่เทคโนโลยีบล็อกเชน และเมื่อคุณมีความเข้าใจมันในระดับหนึ่งแล้ว ก็ลุยเลย!
แหล่งที่มา
- https://cointelegraph.com/news/price-analysis-7-15-spx-dxy-btc-eth-bnb-sol-xrp-ton-doge-ada
- https://www.investopedia.com/tech/question-why-should-anyone-invest-crypto/
- https://cointelegraph.com/explained/what-determines-the-bitcoin-price
- https://www.forbes.com/advisor/in/investing/cryptocurrency/bitcoin-price-history-chart/
- https://www.forbes.com/advisor/investing/cryptocurrency/bitcoin-mining/#:~:text=Bitcoin%20mining%20refers%20to%20the,Bitcoin%20is%20entered%20into%20circulation.
- https://www.nerdwallet.com/article/investing/is-bitcoin-a-good-investment#:~:text=Bitcoin%20is%20a%20risky%20investment,or%20all%20of%20your%20investment
- https://www.investopedia.com/tech/taxes-and-crypto/
- https://thedailyguardian.com/the-risks-and-rewards-of-long-term-vs-short-term-crypto-investment/
คำถามที่พบบ่อย:
ราคา Bitcoin ในปัจจุบัน
ในปัจจุบัน Bitcoin ทำราคาอยู่ที่ 65,351 ดอลลาร์ แต่ยังคงมีความผันผวนอยู่บ่อยครั้ง ดังนั้นควรใช้กราฟแบบเรียลไทม์เพื่อติดตามแนวโน้ม BTC อย่างใกล้ชิด
อะไรเป็นตัวกำหนดแนวโน้ม BTC?
โดยปกติสิ่งที่เป็นตัวกำหนดราคาของ Bitcoin ได้มากที่สุดก็คือ อุปสงค์ และ อุปทาน ระหว่างผู้ต้องการซื้อเหรียญ กับจำนวนเหรียญที่หมุนเวียนอยู่ในตลาด โดยมีปัจจัยภายนอกอย่างอิทธิพลจากกระแสข่าว ต้นทุนในการขุดเหรียญ และกรณีใช้งาน ที่อาจมีส่วนส่งผลต่อราคาด้วยเช่นกัน
ราคาที่ต่ำที่สุดของ Bitcoin
Bitcoin เคยมีราคาที่ต่ำที่สุดอยู่ที่ 0.00008 ดอลลาร์ เมื่อครั้งที่เพิ่งเริ่มเปิดซื้อขายในปี 2010
ราคาที่สูงที่สุดของ Bitcoin
Bitcoin มีการทำราคาไปถึงจุดสูงสุดใหม่ เมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2024 โดยสามารถทำราคาแตะระดับ 73,750 ดอลลาร์ ได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ อย่างไรก็ตาม Bitcoin ยังสามารถทำราคาแตะจุดสูงสุดใหม่ได้เสมอ เนื่องจากมันเป็นสินทรัพย์ที่มีความผันผวนสูงอย่างมาก
ราคา Bitcoin มีการเปลี่ยนแปลงบ่อยแค่ไหน?
ราคา Bitcoin สามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา หรือแม้แต่ภายในหนึ่งชั่วโมง ยังเคยมีกรณีที่ Bitcoin ทำราคาดิ่งลงไปมากกว่า 70% ภายใน 1 วันและสามารถฟื้นตัวกลับขึ้นมาได้ถึง 10% ภายในวันเดียวกัน
สิ่งใดที่มีอิทธิพลต่อมูลค่าของ Bitcoin?
สิ่งที่มีอิทธิพลต่อราคา Bitcoin มากที่สุดก็คือกลุ่มผู้ซื้อและผู้ขาย เพราะหากกลุ่มผู้ซื้อสามารถครอบงำตลาดเอาในช่วงเวลาหนึ่งไว้ได้ นั่นจะหมายถึงจุดเริ่มต้นของขาขึ้น ที่เรียกกันว่าตลาดกระทิง แต่ในทางกลับกันหากกลุ่มผู้ขาย สามารถครอบงำตลาดได้ นั่นจะหมายถึงจุดเริ่มต้นของขาลง หรือตลาดหมี
ต้องใช้เวลานานเท่าไหร่ถึงจะขุด Bitcoin ได้ 1 เหรียญ?
ในปัจจุบัน ถึงแม้ผู้ขุดจะใช้เครื่องมือในการขุดที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด มันจะยังคงต้องใช้เวลาถึง 5 ปีเพื่อที่จะขุดให้ได้ 1 BTC แต่ยังอีกมีวิธีที่ให้คุณสามารถเป็นเจ้าของ Bitcoin ได้ง่ายๆ นั่นคือการซื้อมันผ่านกระดาษแลกเปลี่ยน
ทำไม Bitcoin ถึงมักใช้สกุลเงินดอลลาร์ในการเทรด?
เพราะสกุลเงินดอลลาร์ถือเป็นสกุลเงินที่มีความมั่นคงและแข็งแกร่งมากที่สุดในโลก จากสถานะของมันที่ถูกใช้เป็นสกุลเงินสำรองของหลายประเทศ ดังนั้น Bitcoin จึงใช้สกุลเงินดอลลาร์ในการแปลงราคาเป็นส่วนใหญ่ แต่อย่างไรก็ตามผู้ใช้งานสามารถซื้อขาย Bitcoin ผ่านตลาดแลกเปลี่ยนได้ทั่วโลก เพื่อแลกเปลี่ยนเป็นสกุลเงินอื่นๆ
เหลือ Bitcoin ให้ขุดอีกกี่เหรียญ?
จากจำนวนอุปทานทั้งหมด 21 ล้านเหรียญของ Bitcoin ในตอนนี้มีประมาณ 18.9 ล้านเหรียญได้ถูกขุดขึ้นมาแล้ว หากอ้างอิงข้อมูลเมื่อเดือนมีนาคมปี 2023 ซึ่งนั่นจะทำให้ Bitcoin ที่ยังไม่ถูกขุดเหลืออีกแค่เพียง 2.1 ล้านเหรียญเท่านั้น
การขุด Bitcoin คืออะไร?
การขุด Bitcoin คือกระบวนการในการแก้สมการทางคณิตศาสตร์ที่ซับซ้อน เพื่อตรวจสอบความถูกต้องของบล็อกที่เกิดขึ้นจากการทำธุรกรรมภายในเครือข่าย ซึ่งจะต้องดำเนินการผ่านอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ชนิดพิเศษ และพลังงานไฟฟ้ามหาศาล โดยที่ผู้ตรวจสอบจะได้เหรียญ Bitcoin เป็นรางวันตอบแทนที่ได้จากการแก้สมการ
Bitcoin ยังน่าลงทุนอยู่ไหม?
คำตอบนี้ขึ้นอยู่กับจำนวนเงินทุนในกระเป๋าและความคาดหวังที่จะได้รับจากการลงทุนส่วนตัวของคุณ เพราะ Bitcoin ยังเป็นสินทรัพย์ที่มีความผันผวนสูง ซึ่งในขณะเดียวกันมันก็ยังมีโอกาสที่จะสร้างกำไรได้ด้วยเช่นกัน
คาดการณ์ราคา Bitcoin อย่างไร?
เพื่อที่จะสามารถ คาดการณ์ราคา Bitcoin ในอนาคตได้อย่างแม่นยำ คุณสามารถศึกษาจากบทวิเคราะห์ Bitcoin ของผู้เชี่ยวชาญคริปโต ที่มีอยู่เป็นจำนวนมากในอินเตอร์เน็ต แต่อย่าปักใจเชื่อพวกเขา 100% และลองหาข้อมูลเพื่อทำการวิเคราะห์ด้วยตัวของตนเองก่อนที่จะตัดสินใจลงทุน